‘’การเดินทาง คือ การค้นพบสิ่งใหม่ๆและการเติมพลังบวกให้กับตนเองเพราะโลกของเรามีอะไรให้แปลกใจอยู่เสมอ‘’
สวัสดีครับ ผมนายสุริยะ มานะพันธ์โสภี หรือปอนด์นะครับ กำลังศึกษาอยู่ในคณะการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมการบริการ ของ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในชั้นปีที่ 4 ครับ วันนี้อยากจะมาเล่าประสบการณ์ในการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นครั้งแรก(ในชีวิต)ของผมกันนะครับ ก่อนจะเข้าเรื่องกันผมขอพูดความคิดเห็นเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นของตนเองสักนิดนะครับ ญี่ปุ่นเป็นประเทศหมู่เกาะที่มีความเป็นเอกลักษณ์ในหลายๆภูมิภาค ส่วนตัวแล้วผมเคยได้สัมผัสแต่การมองผ่านรูปภาพเรื่องราว ของคนอื่นที่นำมาบอกเล่าต่อๆกันในการเดินทางไปท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นและก็มีความสนใจอย่างมากคิดว่าคงจะมีสักครั้งที่ได้เดินทางไปยังประเทศแห่งนี้ และ โอกาสก็มักจะมาเร็วกว่าที่เราคิดเสมอครับ.
เมื่อช่วงวันที่16 พฤศจิกายน 2565 ผมได้มีโอกาสเดินทางไปฝึกปฎิบัตินำเที่ยว ต่างประเทศ ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นระยะเวลา5วัน 3คืนครับ พร้อมกับทางสาขาวิชาการจัดการการท่องเที่ยวและนวัตกรรมบริการ คณะการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมบริการ ของเรา ผมมีความตื่นเต้นตั้งแต่ช่วงที่ไปสนามบินเพื่อรอขึ้นเครื่องจากสนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย สู่ สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น ในช่วง 23.45น. ครับ เนื่องจากเป็นการเดินทางไปญี่ปุ่นครั้งแรกใช่มั้ยครับ ผมไม่มีประสบการณ์ในการนั่งไฟลท์ที่นานกว่า 2 ชม.เพราะว่าเคยเดินทางแต่ในประเทศไทย เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่ได้อยู่บนเครื่องบินนานถึง 6 ชม.เลยทีเดียวครับ
หลังจากการเดินทางอันแสนยาวนานความเหนื่อยล้าของผมและเพื่อนๆในสาขาก็เรียกได้ว่า หายเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียวครับ สาเหตุก็คงมาจากการทได้เห็นบรรยากาศภายนอกของสนามบินและสภาพอากาศที่มความเย็นสบาย ของประเทศญี่ปุ่นครับ ซึ่งช่วงนั้นอยู่ในช่วงของฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ทำให้ใบไม้มีหลากสีในเฉดสี แดง เหลือง ส้ม ปนกันไปครับ
หลังจากนั้นพวกเราก็เดินทางออกจากสนามบินนาริตะ เพื่อเดินทางไปยังจุดหมายแรกของเรานั่นคือ ทะเลสาบฮาโกเนะ นั่นเองครับ โดยไฮไลท์อยู่ที่การได้ล่องเรือโจรสลัดของทางทะเลสาบฮาโกเนะ ข้ามไปอีกฝั่งครับ หากเราโชคดีจะสามารถมองเห็นภูเขา ไฟฟูจิ จากการล่องเรือครั้งนี้ด้วยครับ สภาพอากาศจะมีความหนาวเย็นสักหน่อยนะครับเนื่องจากว่าเราอยู่บนทะเลสาบด้วย ดังนั้นเราจะสามารถรับลมหนาวได้อย่างเต็มที่เลยล่ะครับ
ต่อจากการล่องเรือเสร็จคณะของเราได้เดินทางต่อไปเพื่อรับประทานอาหารที่อยู่ใกล้ๆครับโดยร้านอาหารเป็นร้านอาหารท้องถิ่น มีคุณป้าทั้งสามคนคอยให้บริการครับโดยผมคิดว่าบรรยากาศดูอบอุ่นดีครับ เพราะมีผู้ใหบริการน้อย ดูเป็นกันเองและทั้งร้านก็มีแค่คณะของเราที่เดินทางไปครับ
จากนั้นคณะของพวกเราก็เดินทางต่อไปยัง หุบเขาโอวาคุตานิ หรือ หุบเขาไข่ดำ ครับ หากทุกคนสงสัยว่าหุบเขาไข่ดำคือะไรใช่มั้ยครับ ผมจะขออธิบายดังนี้ครับ เนื่องจากเจ้าหุบเขาโอวาคุตานิ เนี่ยเป็นหุบเขาที่มีแร่ธาตุอยู่ในตัวหุบเขาจำนวนมากครับ และยังมีน้ำพุร้อนที้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอีกด้วย ดังนั้นชาวบ้านเลยลองเอาไข่ต้มไปต้มในน้ำของหุบเขาแห่งนี้ แล้วไข่ที่ได้จากการต้มออกมาเป็นสีดำนั่นทำให้หุบเขาแห่งนี้ได้ชื่อ หุบเขาไข่ดำมานั่นเองครับ
นอกจากนี้ ทัศนียภาพของหุบเขาแห่งนี้ยังมีความสวยงาม อย่างมากด้วยนะครับ แต่อาจจะอยู่ได้ไม่ได้นานมาก(สำหรับผมหรืออีกหลายๆคน) เพราะว่ามีกลิ่นของ กำมะถันอยู่ตลอดเวลานั่นเองครับ แล้วก็จากหุบเขาโอวาคุตานิเนี่ย สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อีกด้วยนะครับ หลังจากนั้นคณะของเราได้เดินทางไปยังหมู่บ้านน้ำใส หรือ โอชิโนฮักไก Oshino Hakkai กันต่อไปครับโดยหมู่บ้านแห่งนี้นะครับ อยู่ใกล้กับแหล่งลำธารที่ไหลมาจากภูเขาไฟฟูจิ ทำให้น้ำของที่นี่มีความบริสุทธิ๋อย่างมากครับ สามารถดื่มได้เลยไม่ต้องกรองอะไรเลยครับ โดยส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่าอร่อยดีนะครับฮ่าๆ ทั้งนี้ยังมีขายของฝากและของกินอย่าง องุ่นเขียว และแอปเปิ้ลญี่ปุ่นอีกด้วยนะครับ
หลังจากการเดินทางอันยาวนานทั้งวันก็ถึงเวลาในการพักผ่อนกันแล้วครับ เราจะเดินทางกันต่อไปในที่พักของเราในวันนี้ ที่ Yakari no Mori ครับผม เป็นโรงแรงที่มีออนเซนทั้งกลางแจ้งและในที่ร่มด้วยครับ บรรยากาศของที่นี่ดีมากเลยครับ อยากชวนให้เพื่อนๆจะมาลองสัมผัสกันดูนะครับ
ตื่นเช้าขึ้นมาในวันที่สองพร้อมกับความสดใสและพลังงานในการท่องเที่ยวกันต่อครับโดยจุดหมายแรกของเราในวันนี้ก็คือ เมืองฟูจิโยชิดะ จังหวัดยามานาชิครับ เพื่อไปชมเจดีย์ชูเรโตที่อยู่บนยอดของจุดชมวิวแห่งนี้นั่นเองครับ แต่ก่อนที่เราจะได้เห็นวิวที่สวยงามของทั้งเมืองและความสวยงามของฟูจิซัง เราจำเป็นจะต้องมีความอดทนสักหน่อย หรือ จะเรียกว่าบททดสอบก็ได้ครับฮ่าๆ เนื่องจากวันเจ้าจุดชมวิวนี้จะต้องเดินขึ้นบันไดที่มีความสูงถึง 400ขั้น กันเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเราควรมีสภาพร่างกายที่พร้อมก่อนจะเดินขึ้นเจ้าจุดชมวิวนี้กันด้วยนะครับ แต่ก็บอกได้เลยว่าผลตอบแทนนั้นเรียกได้ว่าทำให้ลืมความเหนื่อยไปเลยครับ
จากนั้นเราจะไปเรียนรู้วิธีการชงชาแบบต้นฉบับของญี่ปุ่นกันครับ พร้อมกับรับชมความสวยงามของอุโมงค์เมเปิ้ลในฤดูของใบไม้เปลี่ยนสี อีกด้วย ในส่วนของวิธีการชงชานั้นขอให้ทุกท่านได้ไปสัมผัสด้วยตนเองนะครับ(ลืมแหละ)
แล้วจากนั้นคณะของเราเดินทางต่อกันไปที่ย่านเมืองเก่าคาวาโกเอะครับ ที่นี่เป็นย่านเมืองเก่าในที่มีอาคารบ้านเรือนที่อยู่ในยุคเอโดะ ราวกับมาจากในหนังเลยล่ะครับ โดยย่านเมืองเก่าแห่งนี้มีร้านที่เปิดอยู่ตามข้างทางให้เราได้เลือกเลยครับ ทั้งของกิน ของฝาก หรือกระทั่งของใช้ โดยเราก็สามารถเห็นวิถีชีวิตของคนในชุมชนแห่งนี้อีกด้วยนะครับไม่ว่าจะเป็น ร้านค้า หรือ ชาวบ้าน นักเรียน ที่ใช้ชีวิตของตนกันไปในแต่ละวันครับ
จากนั้นเราก็เดินทางไปยังที่พักที่ Asia Hotel Narita เพื่อพักผ่อนในการเตรียมพร้อมในการเดินทางวันต่อไปครับ โดยในส่วนนี้ตัวโรงแรมไม่ได้มีความน่าสนใจมากเนื่องจากเป็นโรงแรมที่อยู่ใกล้สนามบินจึงเน้นเป็นเรื่องของการทำเวลาจากตัวโรงแรมไปยังสนามบินมากกว่าครับ
มาถึงวันที่ สามกันแล้วนะครับ วันนี้จุดหมายแรกของจะไปกันที่วัดนาริตะ ทำบุญ ทำจิตใจให้สงบ และขอพรให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงกันครับ โดยวัดแห่งนี้คนส่วนใหญ่มักขอเรื่องหน้าที่การงาน และสุขภาพที่แข็งแรงนั่นเองครับ
จากนั้นเราก็ยังจะไปอีกวัดนึงนะครับนั่นก็คือ วัดอาซากุสะ นั่นเองครับ โดยวัดแห่งนี้นะครับอยู่ในเขตเมืองเลยทำให้มีคนเดินทางมาเยอะมาก ทั้งชาวต่างชาติ หรือ ขาวญี่ปุ่นเอง โดยวัดแห่งนี้คนส่วนใหญ่มั่กขอในเรื่องของ ความรัก โชคลาภ ความสำเร็จในการทำสิ่งต่างๆ การเรียน
จากนั้นเวลาที่เรารอคอย(หรือเปล่า?) ก็คือการเดินชมย่านชินจุกุเป็นเวลา 3 ชม.นั่นเองครับ โดยชินจุกุเป็นย่านการค้าที่มีร้านต่างๆมากมาย เช่น เสื้อผ้า ของใช้ อาหาร เป็นต้นครับ โดยส่วนตัวแล้วบอกเลยว่า 3ชม.ที่ให้มานั้น.. ไม่พอจริงๆครับฮ่าๆ มีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่างมากๆจริงๆเหมาะกับนักช้อปตัวยงเลยก็ว่าได้ครับใครที่ชอบการออกแรง และใช้จ่าย ไปด้วยในเวลาเดียวกันเรียนเชิญที่นี่ได้เลยครับฮ่าๆ
มากกว่าการเดินช้อปปิ้งที่ชินจุกุนั้น ยังอาจไม่สาแก่ใจของใครหลายๆคนเรายังไปกันอีกที่นะครับนั่นก็คือ ห้างไดเวอร์ซิตี้ ที่ โอไดบะ นั่นเองครับ โดยไฮไลท์ของที่นี่นะครับนั่นคือ มีหุ่นกันดั้ม ที่สเกลเท่ากับการอ้างอิงจาก การ์ตูนจริงๆอยู่ที่นี่นั่นเองครับ โดยที่ตัวห้างก็น่าสนใจไม่แพ้กันเลยครับนั่นคือมีทั้งร้านเสื้อผ้า แบรนด์ต่างๆ รองเท้า หรือ กระทั่งของฝากก็มีให้เลือกกันอย่างหลากหลายเลยครับ
หลังจากนั้นคณะของเราก็เดินทางกลับที่พักแห่งเดิมของเราครับเพื่อพร้อมที่จะเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้เช้านั่นเองครับ
First Time In Japan! นายสุริยะ มานะพันธ์โสภี
วางแผนจัดนำเที่ยวเส้นทางต่างประเทศ
โดยนักศึกษาชั้นปีที่ 4
บริษัท ยูทีซีซีทราเวลแอนด์ อีเว้นท์ จำกัด
สาขาวิชาการจัดการท่องเที่ยวและ
นวัตกรรมบริการ
คณะการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมบริการ
.
Facebook: UTCC Travel and Event
Instagram: UTCC Travel and Event
.